ศักรินทร์ตูดหมึก ยังคงสนุกเหี้ยๆ
เหมือนตัดเอาส่วนรกรุงรังจากภาคแรกออก ไม่ว่าจะเป็นการพยายามยัดคำคมเสี่ยวๆ ความเป็นการ์ตูน หรือมุกล็อคต่างๆ แล้วตบๆให้เข้าที่เข้าทางด้วยการพยายามเล่นสนุกกับสถานการณ์ชิบหายวายป่วงต่างๆอันเกิดจากญาติสนิทและเพื่อนฝูงที่ไปช่วยกันพิชิตใจพ่อตาสุดโหด
หากจะบอกว่านี่คือการเอาซีนพาแฟนไปเจอพ่อใน แสบสนิทฯ มาขยายให้ยาวขึ้นก็ไม่ผิดจากนี้นัก เพราะว่ามันคือหนังพี่ยอร์ชเหมือนกัน แถมตัวละครพระนางก็ไม่ได้หนีไกลจาก ไอ้หนิด กับ สวย ในแสบสนิทฯสักเท่าไหร่ เลยกลายเป็นว่าหนังแม่งมีความยอร์ช ฤกษ์ชัย มากกว่างานของแกเองยุคหลังๆซะอีก
เราจึงมีความสุขและบันเทิงกับมันมาก มากกว่าภาคแรกหลายเท่า เพราะว่ามันทำให้นึกถึงหนังยุคแรกของพี่ยอร์ชนี่แหละ ที่ตัวละครรายรอบต่างพากันแย่งซีนกันสนุกสนาน โดยเฉพาะน้าค่อม กับ พี่เต๋า สมคำล่ำลือจริงๆ เคมีเข้ากันจนเกือบกลบรัศมีซุปตาร์สุดแรงอย่างน้าโรเบิร์ตเลยทีเดียว
มันไม่ใช่งานที่ไร้ที่ติ ถ้าหาก ดูหนังฟรี GDH คือตัวแทนหนังของคนเมือง และ จักรวาลไทบ้านฯ คือตัวแทนคนรากหญ้าอีสาน ไบค์แมน ก็คือตัวแทนของหนังคนชานเมือง หรือเขตจังหวัดแถบๆภาคกลางที่มีชีวิตมีเลือดเนื้อเหมือนคนใกล้ๆตัวเราที่จับต้องได้ ความครื้นเครง
กลมเกลียวแบบจริงใจ มันทำให้เรายิ้มหัวเราะไปด้วยกัน ในขณะเดียวกันแง่คิดเรื่องรักๆใคร่ๆของคนหนุ่มสาว หรือความรักระหว่างคนในครอบครัว หนังก็ถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ได้อย่างจริงใจเป็นที่สุด และแน่นอน หนังสามารถขายภาคต่อได้ยาวๆเท่าที่สามารถจะทำได้ เพราะหลายๆอันพี่ยอร์ชแกก็ให้เด็กสร้างของแกเอาของเก่าๆที่แกเคยทำไว้ในหนังเรื่องก่อนๆมารีไซเคิ้ลใหม่แล้วได้ผลนั่นแหละ
เป็นหนังคอมเมดี้ที่คิดเร็วทำเร็วได้จริง หลังจากไบค์แมนภาคแรกออกฉายเมื่อปีที่แล้ว ทำรายได้จากทั่วประเทศทะลุ 100 ล้านบาท นี่ยังไม่รวมรายได้ที่ขายสิทธิ์ให้ไปอีกหลายประเทศด้วยนะ ทำให้ “ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก” เป็นหนังคอมเมดี้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงหลังๆ ของค่าย รฤก โปรดั๊กชั่น ของ ยอร์ช ฤกษ์ชัย
เพราะเรื่องล่าสุดที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ค่ายก็ต้องย้อนไปถึง “คุณนายโฮ” ปี 2555 นู่น รฤก โปรดั๊กชั่น ก็รีบคลอด ไบค์แมน2 ตามติดในปีต่อมา มอบหน้าที่ให้ พฤกษ์ เอมะรุจิ ผู้กำกับจากภาคแรกมาสานต่อความสำเร็จ
ใน “ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก” ทิ้งฉากจบไว้ให้คนดูได้จิ้นกับความรักของ ศักดิ์ กับ จ๋าย ที่ดูเหมือนจะลงเอยกันด้วยดี หลังจากผ่านความยุ่งเหยิงมาตลอดทั้งเรื่อง เหตุจากศักดิ์หลอกที่บ้านว่าเป็นหนุ่มแบงก์ ทั้งที่ตัวเองทำงานเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รวมทั้งหลอก จ๋าย เพื่อสาวที่ศักดิ์หมายปองมาตั้งแต่เด็กอีกด้วย
มาถึงภาคนี้เรื่องราวของหนังก็สานต่อ ที่ยังคงจับประเด็นหลักเรื่องภารกิจพิชิตใจจ๋าย หลังจากที่ปล่อยตัวอย่างหนัง ด้วยการเน้นตัวละครใหม่อย่าง “เต๋า สมชาย” ให้มาเป็นคู่ปรับตัวฉกาจกับ “ลุงปรีชา” บทของน้าค่อม ในหนังจริงก็เปิดเผยตัวว่า เต๋า สมชาย คือ “ศักดา” พ่อของจ๋าย เป็นพ่อจอมเฮี้ยบ
ปัจจุบันเป็นเจ้าของเหมืองแร่ อยู่ในต่างจังหวัด ประเด็นของเรื่องก็คือ ศักดาเป็นพ่อที่เจ้ากี้เจ้าการชีวิตลูกสาว อยากให้ลูกสาวมีแฟนที่ดี ก็เลยจะจัดการหาผู้ชายมาให้จ๋ายดูตัว จ๋ายรำคาญก็เลยบอกพ่อว่า “ศักดิ์” คือแฟนของจ๋าย ศักดาต้องการรู้จักว่าที่ลูกเขยอย่างจริงจัง จึงบอกให้ศักดิ์พาครอบครัวมาพักผ่อนที่บ้านของเขา
เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักครอบครัวของศักดิ์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความบันเทิง เมื่อแก๊งก๊วนป่วนฮาในภาคแรกได้เดินทางมาบ้านของศักดาด้วยกันหมด ทั้งแม่สุรีย์ ลุงปรีชาที่พานรสิงห์ลูกชายติดไปด้วย พี่หลง มอไซค์วินก็ตามไปสมทบอีกด้วย แถมยังมีพี่เอ แฟนเก่าตามไปง้อถึงที่อีกด้วย รอบนี้ตัวละครหลักก็เลยมารวมกันอยู่ที่เดียว
ไม่ต้องเดินทางไปมาระหว่างเรื่องอีกแล้ว หนังหยิบเอาสูตรสำเร็จจากภาคแรกมาใช้เพียบ อย่างประเด็นที่ว่าด้วยเรื่อง “การโกหก” รอบนี้ทั้งก๊วนแก๊ง ต้องแต่งเรื่องโกหกว่า จ๋ายกับศักดิ์ เป็นแฟนกันจริง ได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกแก๊ง ที่ต้องช่วยกันแต่งเรื่องมาหลอกศักดา คุณพ่อของจ๋าย
ศักดิ์เองก็เล่นตามน้ำไปซะยังงั้น ทั้งที่ในใจเขานั้นอยากเป็นแฟนกันจริงไม่ต้องมาโกหกแบบนี้ หนังก็เลยได้มุกแต่งเรื่องโกหกแบบภาคแรกมาประยุกต์ใช้อีกรอบ เมื่อตัวละครหลักมารวมกันอยู่หมด การจะเขียนบทสร้างสถานการณ์ฮาก็ทำได้ง่ายขึ้น หนังก็เลยมีฉากเรียงเสียงฮาได้ถี่ ๆ ตลอด 1 ชั่วโมง 47 นาที หนังเรียกเสียงฮาได้จริง
แต่พลังความฮายังด้อยกว่าภาคแรกนัก ฉากเด็ดที่สุดในภาคนี้ก็น่าจะเป็น “ฉากงูเห่า” นั่นแหละ ในขณะที่หนังทำการบ้านมาดี รู้ว่าคนดูชอบอะไร และไม่ชอบอะไรจากภาคแรก ทีมเขียนบทก็เลือกเน้นในสิ่งที่คนดูชอบ และเลือก “ตัด” ในสิ่งที่คนดูไม่ชอบ ในภาคนี้เราก็เลยเห็น ศักดิ์เอ่ย”คำคม”เพียงแค่ครั้งเดียว
ผู้ที่รับภาระหนักในภาคนี้ก็ยังคงเป็น เว็บดูหนัง “น้าค่อม” เช่นเคย การใส่บท “ศักดา” เข้ามาในฐานะคู่ปรับ ก็เหมือนกับเปิดช่องทางให้น้าค่อมตบมุกได้อีกมาก ด้วยภาพลักษณ์นักเลงของเต๋า สมชาย จึงทำให้เต๋ามักได้บทแนวโหดดุอยู่เสมอ แต่ทุกครั้งที่เต๋าเอ่ยเสียงขึ้นมาเมื่อไหร่
พลังความเข้มมันตกฮวบเสียทุกที ถ้าเต๋าผ่าตัดกล่องเสียงตั้งแต่ยังหนุ่ม น่าจะรุ่งกว่านี้นะ เสียงเต๋าดูอ่อนนุ่มขัดกับภาพลักษณ์อย่างมาก แต่ด้วยภาพลักษณ์หนวดเครารุงรังก็ดูเหมาะกับบทเจ้าพ่อเหมืองแร่ ขอชื่นชมการทำหัวล้านบาร์โค้ดด้วย เป็นงานเมคอัปที่ดูแนบเนียนเหมือนจริงดี
ในขณะที่หนังเดินหน้าไปด้วยเส้นเรื่องหลัก ว่าด้วยการสร้างสัมพันธ์ของ 2 ครอบครัว เส้นเรื่องรองก็คือเรื่องการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างศักดากับเจ้าพ่อที่ต้องการซื้อเหมืองแร่ของศักดาในราคาต่ำ ก่อให้เกิดความอลหม่านยุ่งเหยิงในฉากท้ายเรื่อง ดูแล้วชวนให้นึกถึงสูตรสำเร็จแบบที่ แฟรนไชส์ “บุญชูสระอูยาว”
ชอบใช้ในทุกภาค สร้างสถานการณ์ให้ตัวละครมารวมกัน เขียนบทให้หยอดมุกฮาเรี่ยไร่รายทางไปเรื่อย แล้วจบด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิง แล้ววกเข้าแฮปปี้เอนดิ้งในตอนจบ ไบค์แมน2 ก็มาด้วยสูตรนี้แบบเป๊ะ ๆ แต่ด้วยเหตุที่ว่านี่คือหนังชื่อ “ไบค์แมน”
พระเอกของเรื่องคือหนุ่มผู้รักความเร็วของมอเตอร์ไซค์ ฉะนั้นก็ต้องมีฉากให้ศักดิ์ได้โชว์ความสามารถในการขี่มอเตอร์ไซค์ ก็ถือว่าทีมงานหาทางใส่ฉากขี่มอเตอร์ไซค์ให้ศักดิ์เข้าไปในเรื่องราวได้อย่างลงตัว แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าแม้จะเป็นสูตรสำเร็จ
แต่ฉากจบด้วยบรรยากาศกุ๊กกิ๊กของ ศักดิ์และจ๋ายก็ทำให้ดูแล้วอดยิ้มตามเสียไม่ได้ ฝน ศนันธฉัตร ยังทำหน้าที่สีสันความสดใสเพียงหนึ่งเดียวของเรื่องได้อย่างดี อยากฮาก็ได้ฮาอยู่นะ แต่ก็ไปได้ไม่เท่าภาคแรกครับ
Comments