เกี่ยวกับผู้ชายชื่อ Bradley Pitt
- ชื่อเต็มๆของเขาคือ William Bradley Pitt
- ชื่อ Brad Pitt คือชื่อที่ตัดทอนมาจากชื่อเล่นที่เพื่อนๆเรียกเขาสมัยเรียนนั่นคือ Brad Pitbull
- ฉายา Pitbull ได้มาเพราะเขาคือไอ้ตัวแสบที่บ้ากีฬาและการโต้วาทีได้แบบดุเด็ดเผ็ดร้อน(ไม่แปลกใจเลยที่โตมาจะพล่ามในหนังได้มันส์มาก)
- พ่อของเขาคือวิลเลี่ยม หัวหน้าขนส่งท้องถิ่น ส่วนคุณแม่เจน เป็นที่ปรึกษาและอาจารย์ประจำโรงเรียนรัฐ
- เขาเกิดที่โอกลาโฮม่า สหรัฐอเมริกา แต่สายเลือดเขามีทั้ง ไอริช ,เยอรมัน ,สก็อต และ เชอโรกี อินเดียนแดง
- เขาเป็นหนุ่มการศึกษาดีที่จบวารสารศาสตร์จากมหาลัยมิสซูรี่
- ก่อนเข้าวงการ เขาทำงานเป็นทั้ง คนขับลีมูซีน นักเต้นระบำ คนขนย้ายของ และ เคยสวมชุดไก่ตัวโตไปยืนต้อนรับลูกค้าในร้านขายไก่ทอด El Pollo Loco
- แสดงหนังเรื่องแรกเป็นตัวประกอบไร้เครดิตใน ดูหนังสด No way out ปี 1987 ที่นำแสดงโดย เควิน คอสเนอร์
- เขารับบทเป็นโจรหนุ่มนามว่า JD ในหนัง Thelma & Louise ปี 1991 เขาแย่งบทนี้มาจาก จอร์จ คลูนี่ย์ ซึ่งต่อมาเขาทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่จอร์จมักย้ำเสมอว่าเขาไม่มีวันให้อภัยที่แบรดแย่งบท JD ไปจากเขาแน่ๆ
- เขาปฏิเสธบทในหนัง American Psycho เพราะเล็งเห็นว่าแฟนๆของเขาคงไม่อยากดูเขาเลื่อยขาคนในหนังแน่ๆ (ลุคเขายังใสๆอยู่เลยตอนนั้น) ก่อนที่บทนี้จะตกไปสู่ คริสเตียน เบล
- เขาโดนประเทศจีนแบนเพราะแสดงหนังตอ่ต้านจีนอย่าง Seven Years in Tibet หนังของเขาไม่ได้เข้าฉายในจีนมาอย่างยาวนาน เคยมีคนอุตริเอารูปขนาดใหญ่ที่เขาโฆษณารถ Toyota ขึ้นไปติดไว้ในสนามบินที่จีน ปรากฏว่าวุ่นวายกันใหญ่และถูกรัฐบาลจีนสั่งปลดแทบไม่ทัน
จนกระทั่งปี 2016 เขาก็ได้รับการปลดแบน พร้อมกับเดินทางไปจีนครั้งแรกในรอบหลายปีเพื่อโปรโมทหนัง Allied
- เขาคือพรีเซนเตอร์โฆษณารถ Toyota ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสามารถดันยอดขายได้ถล่มทลาย แต่ทว่าในมาเลเซีย โฆษณาของเขาถูกแบน ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเซ็กซี่เกินไป ไม่เหมาะเผยแพร่ในสังคมมาเลเซีย
- เขาปฏิเสธบทในหนัง Apollo 13 และ Heat เพื่อที่จะมาเล่นหนัง Seven
- เขาเคยหมั้นกับ กวินเน็ธ พัลโทรว์ เพราะพบรักกันในกองถ่าย Seven แต่รักก็จบลงไป
- บทเขาในหนัง Seven ที่เห็นว่าเขาเจ็บแขนนั้นคือเขาเจ็บจริงๆ เกิดจากอุบัติเหตุในฉากไล่ล่า และเขาต้องทนเจ็บแขนไปตลอดการถ่ายทำ
- เขาแต่งงานกับ เจนิเฟอร์ อนิสตัน เขาฟ้องบริษัท Damiani International ด้วยข้อหาละเมิดแบบแหวนแต่งงานของเขาที่เขาออกแบบมาจำเพราะในแบบตัวเอง โดยเขาพบว่าทางบริษัททำแหวนแบบคล้ายๆที่เป็นแหวนแต่งงานของเขาออกมาขาย
- เขาแอบเรียนภาษากรีก เพื่อเซอร์ไพรส์ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน เมียรัก เพราะเธอมีเชื้อสายกรีก และมักพาเขาไปพบปะญาติๆบ่อยๆ ซึ่งในเวลาต่อมาเขาก็ได้รับบทเทพเจ้าชาวกรีกใน Troy
- เขาพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย
- แบรดคือเจ้าของบริษัทสร้างหนัง Plan B Entertainment ที่ร่วมกันทำกับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน อดีตหวานใจ สร้างหนังมาตั้งแต่ปี 2004 เรื่องแรกคือ Troy สร้างเพื่อเอาใจเมียที่มีเชื่อกรีก
- เดิมทีเขาปฏิเสธบทหนัง Mr. & Mrs. Smith เพราะเขาจะได้แสดงคู่กับ นิโคล คิดแมน แต่เขาคิดว่าเคมีของเขาไม่ตรงกับคิดแมนเท่าไหร่ ปรากฏว่าผู้สร้างเปลี่ยนเอา แองเจลิน่า โจลี่ มาเล่นแทน แบรดจึงกลับเข้ามาสู่โปรเจ็ค และตำนานรักสามเส้าก็เกิดขึ้นจากหนังเรื่องนี้แหละ
- เขาแสดงหนังสามเรื่องโดยมีเลข 7 อยู่ในชื่อหนัง คือ Se7en (1995), Seven Years in Tibet (1997) และ Sinbad: Legend of the Seven Seas (2003)
- เขาเล่นหนังสามเรื่องที่มีเลข 12 ในชื่อเรื่อง คือ Twelve Monkeys (1995), Ocean's Twelve (2004) และ 12 Years a Slave (2013)
- เขาเป็นแฟนเดนตายแก๊ง Jackass โดยที่เขาเคยขอสวมชุดลิงเพื่อแสดงในรายการของแก๊งนี้มาแล้ว เขาบอกแก๊งว่า " ฉันเคยสวมชุดไก่ในร้านขายไก่ง่อยๆฉันยังเคยทำ ให้ฉันสวมชุดลิงในรายการของพวกนายมันเจ๋งกว่าแน่นอน"
- เขาไปหาหมอฟันเพื่อให้หมอทำฟันบิ่นให้ก่อนเข้าฉากในหนัง Fight Club และเมื่อถ่ายทำเสร็จเขาก็ไปทำให้ฟันของเขามันกลับมาตามเดิม
- เขาใช้เวลาหนึ่งวันในแผนกจิตเวชของฟิลาเดลเฟีย เพื่อศึกษาพฤติกรรมคนป่วยทางจิตก่อนที่เขาจะแสดงในหนัง Twelve Monkeys และมันทำให้เขาได้รางวัลลูกโลกทองคำจากเรื่องนี้
- เขาสนิทกับ จอร์จ คลูนี่ย์ ชนิดที่ว่าเปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่อง จากการที่เขาแสดงหนัง Ocean's Eleven ด้วยกัน เขาบอกว่าถ้าต้องแต่งงานกับผู้ชายซักคนบนโลก จอร์จ คลูนี่ย์ คือคนๆนั้น
- เขาสนับสนุนคนรักเพศเดียวกัน
- เขากับโจลี่มักใช้เวลาว่างจากการรับงาน เดินทางไปยังพื้นที่กันดารของโลก อาทิ ประเทศแถบแอฟริกา เขาเข้าไปเยี่ยมเยือนผู้ป่วย HIV แบบไม่ถือตัว และมักเดินทางไปประเทศที่มีภัยพิบัติ รวมถึงชอบเดินทางไปกัมพูชา เวียดนาม ฯลฯ
- เขาทุ่มเงินราว 10 ล้านเหรียญ เพื่อซื้อเซ็กส์เทปของโจลี่กับชายอื่นเพื่อไม่ให้มีการเผยแพร่ เพราะแคร์ความรู้สึกลูกๆ
- มีครั้งหนึ่งที่เขาหว่านเงินขอซื้อต่อภาพเซ็ต Horseplay จากช่างภาพอย่าง เดวิด ลาแชปเปล เป็นภาพที่บรรจงถ่ายทำโจลี่ในร่างเปลือยเปล่าที่ทำท่าคล้ายๆกับกำลังพรอดรักกับเจ้าม้าขาวตัวหนึ่ง เป็นภาพที่เดิมทีต้องลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Rolling stone แต่เนื่องจากเป็นภาพเซ็ต
ที่ส่อไปในทางอนาจารเกินงาม จึงถูกระงับไม่ให้ตีพิมพ์ เขาไม่ได้ซื้อเพราะเหตุผลอ่อนไหวใดๆทั้งนั้น เขาแค่เห็นว่ามันเซ็กซี่ดี
- เขาขายรูปครอบครัวครบทุกคนให้กับนิตยสาร Hello! และนิตยสาร People ในราคา 14 ล้านเหรียญ รายได้ทั้งหมดเข้าการกุศล
- เขามักกินอะไรต่อมิอะไรเวลาแสดงหนังหลายๆเรื่อง แต่แทนที่จะน่ารำคาญ มันกลับกลายเป็นสเน่ห์จนผู้สร้างหลายๆคนขอร้องให้เขาทำมันในหนังหลายๆเรื่องในยุคหลังๆ
- เขามีใบอนุญาตนักบิน เขามักขับเครื่องบินในตอนที่เขาเครียด
- เขายังไม่เคยได้ออสก้าร์ในฐานะนักแสดง แต่ในฐานะโปรดิวเซอร์ เขาได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากหนัง 12 Years a Slave ที่เขาสร้าง
- ปี 2019 หนังของเขาสองเรื่องเข้าฉายไล่เรี่ยกันคือ เว็บสตรีมหนัง Once Upon a Time... in Hollywood และ Ad Astra
- รู้ไหมว่าการจะดูหนังสองเรื่องในช่วงเวลาใกล้ๆกันมันทำใจลำบากขนาดไหนกับเศรษฐกิจแบบนี้ แต่คนไทยโชคดีที่มีการซื้อตั๋วผ่าน AirPay ซึ่งแม้แต่ แบรด พิตต์ ก็ไม่สามารถซื้อตั๋วหนังในราคาถูกขนาดนี้ได้(แต่แกเหมาโรงได้)
- แบรด พิตต์ คงไม่รู้หรอกว่าหนังทุนสร้างมโหฬารของเขา ถูก AirPay เอามาลดราคาซะเสียหมา ลดซะจนนึกว่ามันเป็นหนังทุนน้อย มีอย่างที่ไหน
- ถ้า แบรด พิตต์ มีวาสนาได้มาดูหนังเมืองไทย เขาจะซื้อตั๋วหนังผ่าน AirPay ในครั้งแรกที่ใช้แอพฯนี้ เขาจะได้รับเงินคืน 100% สูงสุดถึง 200 บาท ทั้ง เครือ SFและ Major คือพี่แบรดแทบไม่ต้องเสียอะไรเลยจริงๆ ปรกติก็รวยอยู่แล้วยิ่งรวยไปอีก
- แบรด พิตต์ จะต้องตกใจจนตาถลน กับราคาป๊อปคอร์นของโรง Major เพราะหากเขาใช้ AirPay ซื้อป๊อปคอร์น เขาจะซื้อได้ในราคาแค่ 145 บาท แต่เขาต้องซื้อพร้อมตั๋วหนัง Major เท่านั้นนะ
- ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ AirPay หากเป็นแฟนเดนตายแบรด พิตต์ แล้วไม่อยากพลาดหนังทั้งสองเรื่องของเฮียที่เข้าฉายชนกัน
Comments