คุณยังจำเสียงหัวเราะในวันนั้น ได้กันได้ไหม
เควนติน ทาแรนติโน่ เรื่องนี้พักด่าคนดำแล้วหันมาเหยียดพวกฮิปปี้แทน หนังให้ ริค ดาลตัน (ลีโอ)เป็นตัวแทนคนเบื้องหน้า และ คลิฟฟ์ บูธ (แบรด) เป็นตัวแทนคนเบื้องหลังที่เควนตินส่งไปจูงมือคนดูเพื่อบอกเล่าช่วงเวลางดงามของฮอลลีวู้ดในปลายยุค 60 ยุคที่ยังมี ชารอน เท็ต
เป็นดั่งดอกไม้ที่เริ่มผลิบานในวงการ และในขณะเดียวกันริคกับบูธก็ถูก ส่งลงจอไปถ่มถุยและเอาคืนพวกฮิปปี้กับลัทธิโฉดแมนสัน หนังค่อนข้างไกลตัวเลยแหละ หลายคนกล่าวว่านี่เป็นจดหมายเหตุฮอลลีวู้ด แต่สำหรับตั๋วร้อนแล้ว นี่มันคือจดหมายรักกับนิทานปลอบประโลม ที่เควนตินเขียนถึงสิ่งที่เขาเคารพบูชา
และตกหลุมรัก ทั้งหนัง เพลง ตัวบุคคล สถานที่ที่เรียกว่า ดูหนังฟรี "ฮอลลีวู้ด" มันให้ความรู้สึกราวกับเควนตินกำลังทำหนังดีสนี่ย์โลกสวยในแบบของเขา ทั้งที่บทประพันธ์ดั้งเดิมของนิทานเหล่านั้นมันมีแต่อะไรที่เจ็บปวดแสนสาหัส ตัวละคร ริค ดาลตัน คือคนที่ยังไม่หมดไฟกับวงการภาพยนต์ แต่ทว่าวงการต่างหาก
ที่เริ่มหมดไฟกับเขาแล้ว มีซีนหนึ่งที่เป็นซีนตัวละคร ริค ดาลตัน นั่งคุยระหว่างพักกองกับเด็กสาวนามว่า ทรูดี้ เชื่อว่าเด็กทรูดี้นี่แหละ คือตัวละครที่เควนตินใช้แทนตัวเขาเอง เพื่อบอกกล่าวถึงฮอลลีวู้ดยุคเก่าแก่ ซึ่งคนยุคนี้มักละเลย มองข้าม และหยามเหยียดว่าเชยแหลก ในครั้งแรกที่พบเจอกันของ ทรูดี้ และ ริค
เริ่มจากความกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ด้วยพฤติกรรมแหยงๆของริค มันหมายถึงคนรุ่นใหม่ที่มองไปยังสิ่งเก่าๆแล้วเบือนหน้าหนี แต่หลังจากนั้นก็เกิดเป็นความเข้าอกเข้าใจ พร้อมกับสนุกสนานไปกับอะไรเก่าๆ จนลงเอยด้วยการปลอบประโลมและชื่นชม นี่คือสุดยอดความคมคาย ที่ถูกเล่าผ่านการนั่งพักกองของสองตัวละคร
ที่หากเป็นผู้กำกับบางคนอาจใช้เวลาสรุปอะไรเหล่านี้กว่าครึ่งค่อนเรื่อง แต่เควนตินใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถเอา ไม้เอก ออกจากคำว่า"เก่า" แล้วเติม ไม้จัตวา ยัดเข้าไปแทนที่ไม้เอกได้ ถึงกระนั้นเสีย หากจะมานั่งโกหกว่าตัวเองอินกับหนังเรื่องนี้เอามากๆ ทุกอย่างเพอร์เฟ็คไร้ที่ติไปหมด ก็คงจะเกินเลยไปเสียหน่อย
เพราะถือว่าเรื่องนี้มันไกลตัวเอามากๆ มันคือจดหมายรักที่เควนตินเขียนถึงฮอลลีวูดยุค 60 ไปโน้นเลย ซึ่งบอกตามตรงแบบไม่เก๋าเท่าไหร่ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ กูก็ทันแค่ฮอลลีวู้ดยุค 90 อาจมี 80 อยู่บ้าง แต่ถ้าให้มานั่งอินราวกับตนเองรู้จักหนัง เพลง และดาราต่างๆที่หนังเรื่องนี้อ้างอิงเอามาใส่ในเนื้อเรื่อง
บอกเลยว่าเอ๋อรับประทาน พาลให้ออกอาการเบื่อได้เหมือนกัน เพราะอย่างที่บอก เรื่องนี้คือหนังรัก คือนิทานที่เควนตินไม่ได้เล่าอย่างเกรี้ยวกราดเหมือนงานที่ผ่านๆมา แต่ถึงกระนั้นในส่วนของการแสดง ทั้งลีโอและแบรด ก็ยังถือว่ามีอะไรให้ตรึงตาตรึงใจ การยักย้ายถ่ายเทของ แบรด พิตต์ ทำให้ผู้ชายอกสามศอกด้วยกัน
หวั่นไหวจนแอบถามตัวเองว่า เอ๊ะ!?นี่กูไม่ใช่ใช่มั้ย? ส่วน ลีโอนาโด้ ดิคราปริโอ ถูกเควนตินดึงเอาสเน่ห์ในวัยละอ่อนมาใช้ในตอนที่เขาอายุเยอะแล้วอย่างได้ผล เป็นตัวละครน่าเอ็นดูที่ไม่ได้เห็นเขาในบทแบบนี้มานานแล้ว ในทางโปรดักชั่นงานสร้างต่างๆ นี่คืองานบูชาครูสุดฝีมือของเควนตินแท้ๆเลย
เขาเนรมิตรยุค 90 เพื่อให้คนในวงการยุคนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ เห็นกันและจงน้ำตาไหลไปกับมัน แต่แม้จะไม่ได้เกรี้ยวกราด อารมณ์กวนตีนของเควนตินยังคงเต็มเปี่ยม บทสนทนาแสบๆคันๆยังมีให้เห็นมากมาย ถึงกระนั้นสำหรับตั๋วร้อนแล้ว ก็ยังถือว่านี่คือหนังรักของเควนตินที่อาจยังไกลตัวมาก เพียงแต่ความรักในที่นี้
มันเป็นความรักที่เขามีต่อวงการหนัง และ ชารอน เท็ต เราคนดูรุ่นใหม่มีสิทธิ์แค่นั่งฟังนั่งดูสิ่งที่เควนตินจะเล่าราวกับการนั่งฟังนิทาน ซึ่งชื่อหนังนั้นก็คือเจตนาของเควนตินที่ใช้คำนำหน้านิทานมาเป็นชื่อหนัง Once Upon a Time แปลว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...... เราไม่จำเป็นต้องเกิดทันเหตุการณ์ในนิทาน
แต่ก็ต้องนั่งฟังไม่ว่าเหตุการณ์ในนิทานมันจะมีความจริงเท็จแค่ไหน เพราะมันคือ หนังออนไลน์ Once Upon a Time.... ของเควนติน มันคืองานดีสนี่ย์ฉบับเควนติน เห็นได้จากการที่เขาอ้างเอ่ยถึง วอลท์ ดีสนี่ย์ ในหนังเรื่องนี้ด้วย ในรายของ ชารอน เท็ต ผู้อาภัพที่รับบทโดย มาก็อต ร็อบบี้ นั้นเควนตินให้ตัวละครของเธอดูห่างไกลคนดูให้มากที่สุด
เธอเหมือนเป็นดอกไม้งดงามในตู้กระจกที่เราก็ไม่รู้ว่าเธอคือดอกอะไร แต่มันดูงดงามจับต้องไม่ได้เสียเหลือเกิน และถ้าจะมีใครมาเด็ด มาย่ำ มาทำลายมัน มึงต้องเจอกูหน่อย เควนตินเป็นคนบ้าที่ใช้ความรุนแรงสื่อออกมาได้หวานซึ้งจับใจ บิลล์ ใน Kill bill เคยบอกรักเมียด้วยความตายมาแล้ว และเขาระเบิดฮิตเลอร์
เพื่อปลอบใจคนยิวมาแล้วเช่นกัน นี่ไม่รวมกับที่เขาพยายามบอกว่า ควยคนดำใหญ่และน่าอิจฉามากใน Django Unchained อีกนะ นั่นคือวิธีบอกรักในแบบเควนตินๆ อยากจะบอกว่าตอนจบเรื่องนี้สำหรับตั๋วร้อน เป็นอะไรที่น่าเศร้ากว่าในข่าวจริงๆเสียอีก มึงทำได้ไงวะเขียนให้จบแบบนี้แต่เศร้ากว่าเหตุการณ์จริง
นี่ยังคิดเล่นๆว่านี่ถ้ากูเกิดทันยุคนั้นมันจะน้ำตาไหลพรากขนาดไหนที่ได้เห็นรถรา ผู้คน เพลง หนัง ดารา ฯลฯ ในยุค 60 กลับมาโลดแล่นบนจออย่างมีชีวิตชีวา และในตอนที่ หนูน้อยทรูดี้ กระซิบบอก ริค หลังจากแสดงด้วยกับจบซีนนั้นแหละ คือสิ่งที่เควนตินพยายามจะบอกกับวงการหนัง
และคนดูที่เขารัก แต่ก็มิวายให้ตัวละครริคของลีโอนาโด้ พูดกับหนูน้อยทรูดี้คืนไปเหมือนกันอย่างเจ็บๆคันๆว่า...
Comments