ด้วยความที่เป็นหน้าใหม่ทั้งคู่ เบน อัฟเฟล็ค กับ แม็ตต์ เดม่อน ที่หอบเอาบทหนัง Good Will Hunting ไปนำเสนอสตูดิโอต่างๆ จึงไม่ได้มีเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบนัก
จากการนำเสนอบทหนังครั้งแรก " ฉันจำนายได้ นายมันไอ้หนุ่ม Burger King คนนั้นนี่ " ประโยคหนึ่งออกจากปากโปรดิวเซอร์ของค่ายหนังดังพูดกับ เบน อัฟเฟล็ค ก่อนที่จะรับบทหนังปึกนั้นไปแล้วยัดมันใส่ลิ้นชักโดยไม่เหลียวแลมันอีกเลย แค่เพราะหนึ่งในสองไอ้หน้าอ่อนคืออดีตดาราโฆษณา Burger King และไม่มีประสบการณ์เขียนบทมาก่อน
ส่วนอีกคนก็เป็นใครไม่รู้ เบน กับ แม็ตต์ สองเพื่อนซี้ที่เติบโตมาด้วยกันเพราะบ้านอยู่ระแวกเดียวกันในบอสตัน เป็นเพื่อนเล่นหัวกันมาตั้งแต่ขนยังไม่ขึ้น บ้านพวกเขาห่างกันไปแค่สองช่วงตึก แม็ตต์แก่กว่าเบน 2 ปี เบน เข้ามาฮอลลีวู้ดก่อน ดูหนังออนไลน์ ส่วนแม็ตต์เรียนที่มหาลัยฮาร์วาร์ด ในช่วงก่อนจบเขาเขียนบทหนังเรื่องหนึ่งขึ้นมาเกือบๆ 50 หน้าเพื่อส่งอาจารย์ แรงบันดาลใจหลักคือเสี้ยวหนึ่งของชีวิต ทิโมธี อัฟเฟล็ค คุณพ่อของเพื่อนสนิทเขาคนหนึ่งนั่นเอง มันพูดถึงภารโรงที่เก่งคณิตศาสตร์มากๆและมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ แม็ตต์ ถูกอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิ เนื่องด้วยบทหนังไม่เป็นตามโจทย์ที่อาจารย์วางไว้ เพราะกติกาคือ บทหนังแค่องค์เดียวสั้นๆ เขาตกวิชานี้แล้วต้องแก้ใหม่ แต่อาจารย์บอกเขาว่า นี่คือบทหนังที่ดี มันจะต้องถูกสร้างเป็นหนังคุณภาพอย่างแน่นอนในอนาคต เมื่อเรียนไม่จบ และไม่ยอมกลับไปเรียนวิชาที่เหลืออีกเลย บทหนังในมือสั่นพั่บๆๆราวกับว่ามันอยากออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวแล้ว แม็ตต์หอบเสื้อผ้าไปอยู่กับเบนที่แอล.เอ. แล้วเริ่มมีผลงานแสดงด้วยกันทั้งคู่ พวกเขาอยู่อพาร์ทเม้นต์เล็กๆและมีชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก เพราะงานแสดงไม่ได้เป็นบทในหนังใหญ่อะไร พวกเขาช่วยกันเขียนบทหนังเรื่องที่แม็ตต์เคยส่งอาจารย์ แล้วนำไปเสนอสตูดิโอต่างๆ ทว่าไม่มีใครเหลียวแลบทปึกนี้ของพวกเขาเลย ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า ยอดผู้กำกับ คือหนึ่งในผู้ที่ได้อ่านมัน เด็กหนุ่มอย่างแม็ตต์ เดม่อน มันใช้ได้ อนาคตไกล ผู้กำกับรุ่นครูจึงมอบบทใน The Rainmaker ให้เขา มันเป็นช่วงเวลาที่ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า ถ่ายทำหนังเรื่อง Jack ซึ่งมี โรบิน วิลเลี่ยมส์ นำแสดง ผู้กำกับคนดังยื่นบทให้พระเอกของเขาอ่าน เมื่ออ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ โรบิน วิลเลี่ยมส์ เอ่ยถามผู้กำกับว่า " ไอ้คนพวกนี้มันเป็นใคร? " หมายถึงคนเขียนบทหนังเรื่องนี้นั่นเอง คอปโปล่า บอกว่ามันคือบทหนังของไอ้หนุ่มในหนัง The Rainmaker ที่ผมกำลังสร้าง เขาเขียนบทร่วมกับเพื่อนสนิทที่เป็นนักแสดงเหมือนกันนี่แหละ โรบิน วิลเลี่ยมส์ ขอคุยกับ แม็ตต์ เดม่อน เดี๋ยวนั้นเลย และจองบท"ฌอน"ไว้ล่วงหน้าห้ามใครแหยมเด็ดขาด ทว่าคอปโปล่าแค่ได้อ่านมันเฉยๆ เขาไม่ได้ครอบครองบทหนังเรื่องนี้ มันมีคนจองแล้ว
ไม่ใช่ใครที่ไหน ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ กับ ลอว์เร้นซ์ เบนเดอร์ คู่พาร์ทเนอร์ตัวแสบสายตาแหลมคมแห่งวงการที่เพิ่งเปรี้ยงปร้างไปกับ Pulp Fiction นั่นเอง
ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ กระโจนใส่บทหนังเรื่องนี้แบบห้ามใครมาแหยมเป็นอันขาด ความอาภัพของบทหนังเรื่องนี้คือ แทบไม่มีผู้สร้างคนไหนอ่านมันเลย จนแม็ตต์กับเบนหมดความอดทน พวกเขาจึงแอบใส่ฉากคู่เกย์เข้าไปหนึ่งฉากเพื่อทดสอบว่ามีใครอ่านมันจริงๆไหม หากใครสักคนได้อ่าน เขาต้องทักท้วงฉากเกย์แน่ๆ ปรากฏว่า ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์
อ่านทุกตัวอักษรแล้วเซ็นต์เช็คทันที แม็ตต์ กับ เบน แน่ใจว่าเขาอ่านทุกหน้า นั่นเพราะฮาร์วี่ย์ท้วงติงฉากเกย์ในบทหนังที่ดีมากๆเรื่องนี้ว่า "พวกนายแน่ใจนะว่าจะใส่ฉากห่านี่เข้ามาจริงๆ ไปตัดมันออกซะไอ้พวกบ้า" ทั้งสองสารภาพในภายหลังว่านี่ เป็นวิธีทดสอบว่ามีใครอ่านมันจริงๆไหม และ ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ คือหนึ่งในคนที่ทักท้วง อีกคนคือ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ บอกพวกเขาว่า ที่พวกนายถูกปฏิเสธจาก โปรแกรมหนัง สตูดิโอต่างๆ บางทีอาจเพราะนายดันจะอยากแสดงนำเองนั่นแหละ เพราะแม็ตต์ เดม่อน ในช่วงนั้นคือเป็นดาราที่เกือบๆ จะโนเนมเลยก็ว่าได้ คงไม่มีใครอยากเสี่ยงกับดาราที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่สำหรับ Miramax Films แล้ว ถือว่ารับได้ เพราะหนังทุนสร้างไม่เยอะ และมันคือบทหนังที่ดีมากๆเรื่องหนึ่ง ทั้งสองจึงได้แสดงในบทนำพร้อมๆกับรับเช็คมูลค่า 600,000 เหรียญ ซึ่งถือว่า ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ มีความป๋ามากที่กล้าจ่ายให้นักเขียนบทหน้าอ่อนถึงเพียงนี้ แต่เปล่าหรอก "นี่คือรวมค่าตัวในการแสดงหนังเรื่องนี้ของพวกมันแล้ว" ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ กล่าว... นั่นก็ถือว่าเยอะมากอยู่ดีสำหรับวัยรุ่นสองคนที่อยู่ในช่วงลำบาก พวกเขาเพิ่งถลุงเงิน 75,000 เหรียญ ที่ได้จากการแสดงหนัง School Ties ปี 1992 ด้วยกันมาหมาดๆ ก็ตามประสาวัยรุ่นที่ชอบกินชอบดื่ม ข่าวว่าเขาจัดปาร์ตี้เชิญผู้คนมากว่า 500 คน เพื่อสนุกสนานกัน จนตื่นมาอีกทีเขาทั้งคู่เป็นหนี้ 15,000 เหรียญ เพื่อความอยู่รอดและต้องการใช้หนี้ พวกเขาจึงต้องร่วมมือร่วมแรงแก้ไขบทหนัง Good Will Hunting ให้มันขายออกให้ได้ จนกระทั่งได้มาเจอ ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ นี่แหละ อันที่จริง Good Will Hunting เกือบถูกขายได้ในราคา 77,500 เหรียญ จากสตูดิโอ Castle Rock ของผู้กำกับ ร็อบ ไรเนอร์ และพวกเขาจะได้เพิ่มเป็น 100,000 เมื่อหนังถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทว่าทัศนคติไม่ตรงใจสองคู่หูสักเท่าไหร่ พวกเขาจึงขายมันให้ Miramax ที่เห็นความสำคัญของบทดั้งเดิมมากกว่า เอาเข้าจริงๆบทหนังเรื่องนี้มันเริ่มมีชื่อเสียงในวงในมาตั้งแต่ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า ได้อ่านมันและ โรบิน วิลเลี่ยมส์ ต้องการจะร่วมแสดงแล้ว ทว่าหลายๆสตูดิโอยื่นข้อเสนอขอเปลี่ยนหลายๆอย่างในบท เห็นพวกเขาอับจนขนาดนี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำร้ายบทหนังดั้งเดิมนี้ได้ คนที่เห็นค่ามันจริงๆจึงได้ไปครองอย่างไม่ต้องสงสัย ว่ากันว่า เมล กิ๊บสัน , เทอร์เร้นซ์ มาลิค , ไมเคิล มานน์ ล้วนเคยเป็นตัวเต็งได้กำกับโปรเจ็คนี้ แต่เพราะพวกเขาต้องการเปลี่ยนบางอย่างในบท และมีดารานำในใจของตัวเองกันอยู่แล้ว อาทิ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ หรือ แบรด พิตต์ แต่ Miramax โดยการนำของ ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ กับ ลอว์เร้นซ์ เบนเดอร์ ให้อิสระในการสร้างมากกว่า แม็ตต์ กับ เบน จึงเชื่อใจ Miramax ภายใต้การกำกับของ กัส แวน แซนท์ ผู้กำกับ My Own Private Idaho หนังเกย์ที่ ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ ชอบมากๆในตอนนั้น Good Will Hunting ใช้ทุนเพียง 10 ล้านเหรียญ พร้อมๆกับที่ยกกองไปถ่ายทำบ้านเกิดของสองเพื่อนซี้นั่นคือบอสตัน แม็ตต์ กับ เบน คือสองนักแสดงนำด้วย แม็ตต์ กับ เบน ทั้งคู่ยืนกอดคอกันร้องไห้ในสวนสาธารณะตอนถ่ายฉากกับดาราใหญ่อย่าง โรบิน วิลเลี่ยมส์ อาจดูเป็นฉากเรียบๆ แต่เชื่อไหมว่ามีฝรั่งมุงฉากนี้เป็นพันๆคน พวกเขามารอดู โรบิน วิลเลี่ยมส์ แสดงหนังกัน พวกเขาผ่านอะไรกันมามากมาย หลังจากนี้ชีวิตของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนไป Good Will Hunting เข้าฉายแบบม้ามืด มันจบรายได้ที่ 225 ล้านเหรียญทั่วโลก จากทุนสร้างเพียง 10 ล้านเหรียญ มันผงาดเข้าชิงออสก้าร์ถึง 9 สาขา แล้วคว้าออสก้าร์มาได้ 2 ตัวคือ สมทบชายยอดเยี่ยม ซึ่งโรบิน วิลเลี่ยมส์ บอกว่าเขาคิดไม่ผิดที่เป็นตัวตั้งตัวตีถามหาคนเขียนบทเรื่องนี้ว่าพวกมันเป็นใครกัน? ออสก้าร์อีกตัวคือ รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคู่หู เบน อัฟเฟล็ค กับ แม็ตต์ เดม่อน สองเพื่อนรักผู้ฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการกว่า Good Will Hunting จะออกมาเป็นหนังอย่างที่เห็น หลังจากค่ำคืนนั้นชีวิตของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป และทั้งคู่ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจวบจนทุกวันนี้ (ในปีเดียวกัน Good Will Hunting คว้าลูกโลกทองคำสาขาบทยอดเยี่ยมด้วย)
Comments