ตลกร้าย ถ่มถุย น่าหมั่นไส้ เลยทีเดียวเชียว
ในยุคที่หนังพากันขุดด้านมืดของตัวละครออกมานำเสนอกันแบบเอะอะก็ Dark side เต็มไปหมด แต่ทว่างานเขย่าขวัญสั่นประสาทของ จอร์แดน พีล อดีตดาราตลกที่หันมาเอาดีด้านกำกับหนังสยองทุนต่ำเรื่องนี้กลับเล่นกับ "ความหมั่นไส้" ซึ่งจะถือว่า Dark ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ในเมื่อหนังมีความตลกร้าย ขี้แซะ
และ น่าถ่มถุย เต็มไปหมดตั้งแต่ต้นจนจบ กัดแม้กระทั่งตัวเองไปยันระดับชาติ โดยมีเป้าหมายในการแซะครั้งนี้เป็นสังคมอเมริกัน เรียกได้ว่ากวนตีนตั้งแต่ชื่อหนังที่ตีความหมายได้ทั้งสองทาง US จะแปลว่า "เรา" ก็ไม่ผิด หรือ US จะแปลว่า คนอเมริกัน ก็ไม่ผิดเพี้ยนเช่นกัน ในเชิงของความเป็นงานเขย่าขวัญสั่นประสาท ถือว่าอยู่ในระดับที่ยังไม่สามารถสร้างอารมณ์นั่งไม่ติดเบาะให้คนดูที่ชาชินกับหนังแนวๆนี้อย่างกูได้ แต่แปลกที่หนังดันทำให้แอบลุ้นไปกับพฤติกรรมโง่ๆ งี่เง่า บ้าวัตถุของไอ้หัวหน้าครอบครัวได้ทั้งที่มันไม่มีอะไรเลย เหมือนเป็นหนังที่พยายามบิดสูตรให้หนีจากของเดิมๆอยู่เหมือนกัน เสือกหลอกให้คนดูลุ้นกับฉากที่ไม่มีอะไร คือถ้าเป็นหนังสยองหลายๆเรื่อง ฉากขับรถแล้วไม่มองทางเพราะมัวแต่พูดๆๆกับลูกเมีย มันต้องมีชนตัวเหี้ยอะไรสักอย่างเข้าไปแล้ว แต่เสือกไม่มีอะไร โอเคมึงหลอกกูได้ มึงเก่ง นี่ยังไม่รวมฉากลุ้นๆที่หลายๆฉากอาจเดาทางไม่ถูก ถือเป็นการฉีกออกจากสูตรไปได้พอสมควร แต่บางฉากก็ยังถือว่ามีสูตรอยู่บ้าง ดูหนัง ใส่ป๊อปคัลเจอร์วัฒนธรรมยุค 80-90 ราวๆนี้เข้ามาตามแบบฉบับหนังหลายๆเรื่องในยุคนี้ แต่เป็นการสอดใส่เข้ามาเพื่อตอกย้ำให้คนดูรับรู้ว่าแม้ยุคสมัยเปลี่ยนไป สันดานคนแม่งก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่หรอก เทคโนโลยีหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆกลับทำให้คนยิ่งสันดานเสียยิ่งๆขึ้นไปอีก การศึกษาดีก็ไม่ได้แปลว่าจะฉลาดตาม เห็นได้จากเสื้อของไอ้หัวหน้าครอบครัว คือหนังแม่งใส่สิ่งละอันพันละน้อยให้ตามเก็บได้สนุกสนานจริงๆ หนังเรื่องนี้จึงสนุกในแบบฉบับของการตีความ อยู่ที่ใครจะเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งอาจจะไม่ได้สังเกตกันก็อ่านรีวิวนี้ไปเป็นแนวทางก็พอไหว ในส่วนของนักแสดง แน่นอนว่า ลูพิต้า ยองโก ให้การแสดงที่น่าขนลุกขนพองมาก พฤติกรรมและเสียงพูดของเธอเนี่ยแหละน่าสยดสยองมากกว่าฉากลุ้นๆในหนังจริงๆ ไม่รู้ดีไซน์ตีความการแสดงมาเองหรือว่าผู้กำกับเทรนด์ให้ แต่บอกเลยว่านี่คือการแสดงมาสเตอร์พีซจริงๆ มันค่อนข้างแปลกและทำให้เชื่อเลยเต็มหัวใจว่าตัวละครสองตัวที่เป็นแฝดกันนี่คือไม่ชอบกัน มีแค้นต่อกันและกันอันนำไปสู่บทสรุปที่คนดูต้องให้ควยในใจ แต่ส่วนตัวกูโคตรชอบ อันที่จริงหนังไม่ได้พยายามจำกัดจำเขี่ยว่าเป็นงานจิกกัดคนชาติอเมริกันเพียวๆ แต่มันสามารถเหมารวมคนทั้งโลกได้เลย คือมนุษย์ขี้เหม็นจากประเทศไทยอย่างเราๆนี่ก็ใช่ ทุกคนล้วนมีความหมั่นไส้ที่ไม่ได้แสดงออกมา มันอาจไม่ใช่ด้านมืดอะไรมากมาย แค่กูอยากถีบหน้าเพื่อนที่รวยกว่าเบาๆแต่ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นเพื่อนกัน กรรไกรในหนังถูกตีความในเชิงลัญลักษณ์ถึงการที่ทั้งสร้างได้ก็สามารถทำลายได้เช่นกัน หรือจริงๆแล้วสังคมอเมริกาหรือสังคมอื่นๆใดๆในโลกแท้จริงแล้วไม่ได้กำลังต่อสู้อยู่กับชนชาติเผ่าพันธุ์อื่น แต่แค่กำลังต่อสู้กับตัวเอง ถ้ามันจะล่มจมจะห่วยแตกก็น่าจะเพราะตัวเองแท้ๆ หรือความตลกใน โปรแกรมหนัง เรื่องนี้มันอาจจะ Dark กว่าหนังด้านมืดทั่วๆไปเลยก็เป็นได้ เพราะหลายๆซีนมันคือการแขวะแม้กระทั่งลูกแท้ๆของตัวเอง ซึ่งในชีวิตจริงคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็มิอาจทำอะไรแบบนั้นได้ แต่หนังได้นำเสนอวิธีระบายถ่มถุยด้วยการให้ตัวละครแต่ละตัวมีฝาแฝดจากโลกใต้ดินออกมาอาละวาดฆ่าแกงตัวจริงที่อยู่บนดิน รวมไปจนถึงไล่ฆ่าคนทั่วไปที่ไม่ใช่ตนเองหรือญาติพี่น้องของตนเอง นั่นแหละเราจึงจะได้เห็นว่าแท้จริงแล้วตัวละครบนดินแต่ละตัวมันเก็บกดจากคนในชีวิตจริงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนฝูงมิตรสหายผู้น่ารำคาญและร่ำรวย ในชีวิตจริงเราไม่สามารถด่ามันตรงๆหรือกระทืบมันเละคาตีนได้ แต่เมื่อมีแฝดของไอ้เพื่อนฝูงมิตรสหายผู้น่ารำคาญและร่ำรวยอย่างที่กล่าวอ้างโผล่ขึ้นมา เราสามารถระบายความหมั่นไส้ไปลงที่มันได้ ประมาณว่ากูรอเวลานี้มานานแล้วอีสัส ขอตั๊นหน้ามึงสักดอกเถอะ กูอยากฆ่ามึงให้ตายคามือมานานแล้ว หมั่นไส้มึงมานานละอีเหี้ย หรือไม่เว้นแม้กระทั่งตัวของเราเอง หลายๆคนแอบไม่ชอบอุปนิสัยบางอย่างของตัวเอง หนังเรื่องนี้ก็จัดให้โดยการให้มึงกระทืบ หรือฆ่าแกงตัวเองได้หนำใจมึงไปเลย เพราะมันมีแฝดจากใต้ดินโผล่ขึ้นมาไล่ฆ่าตัวเราเองเนี่ยแหละ ถือโอกาสสั่งสอนความนิสัยไม่ดีของตัวเองเลยละกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกๆที่ดื้อด้าน บอกไม่ฟังเหี้ยอะไรเลย ไล่ตั้งแต่พฤติกรรมเล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ หากเป็นโลกความจริงคุณไม่สามารถทำอะไรลูกได้เลย อย่างมากก็ดุด่า หรือตี ทั้งที่ในส่วนลึกของจิตใจกูอยากบีบคอแม่งให้ตายตกตามกัน ลูกคนอื่นก็ด้วยอีเด็กเปรตทั้งหลาย หนังเรื่องนี้มันจึงเหมือนทั้งด่า ทั้งระบายอารมณ์ด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ ฉากหนึ่งที่ขำมากคืออีลูกตัวปลอมมันกำลังจะตายบนต้นไม้ อีแม่วิ่งไปกะไปหาแล้วซ้ำให้ตาย เมื่อเจอว่าลูกปลอมกำลังจะตายก็ไม่สามารถทำเหี้ยอะไรได้ ได้แค่ทำเสียงเหมือนบอกให้นอนหลับซะ นอนได้แล้วลูก ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูฉากต้นเรื่องมันมีฉากที่แม่สั่งให้ปิดมือถือแล้วนอนซะ อีลูกมันก็ไม่ฟัง ยังแอบคลุมโปงเล่นมือถือมืดๆอยู่ คือมันมีฉากแนวๆนี้อยู่เพียบเลยที่หนังใช้ถ่มถุย ฉากที่มันเข้าบ้านไปเจอครอบครัวเพื่อนผู้ร่ำรวยตัวปลอมนี่ทั้งขำทั้งสะใจ เมื่อเห็นว่าเพื่อนผู้ร่ำรวยกับครอบครัวได้ตายห่ากันไปหมดแล้ว
คือแทบไม่มีความสะเทือนใจใดๆเลย เหมือนกับว่าเออตายซะได้ก็ดี แล้วแม่งก็พากันไล่ฆ่าไอ้ครอบครัวเพื่อนผู้ร่ำรวยตัวปลอม เหมือนแม่งเก็บกด รอเวลานี้มานานแล้ว นี่แหละคือความตลกร้ายของหนังที่ใส่มาเต็มไปหมด
Comments