Frozen 2 (2019)

การตลาดอันเข้มขลังพลังติ่ง

ไอ้สัสนี่แม่งเป็นเคสบังคับสำหรับคนมีลูกวัยอนุบาลอย่างกู คือไม่พาไปดูนี่สำหรับกูถือเป็นพ่อที่เลว เพราะภาคแรกลูกกูนี่ดูจนแผ่นสึกแผ่นลายไปสามแผ่น ซื้อแล้วซื้ออีก ของเล่น เสื้อผ้าเต็มบ้าน Frozen ทั้งยวง

ภาคนี้แม่งแทบจะเป็น MV เพลงที่เอามาเรียงต่อๆกันอยู่ละ โดยมีแกนเรื่องเป็นการค้นหาตัวตนของ"เอลซ่า"ว่าทำไมถึงได้ชอบเล่นไอซ์ได้ขนาดนี้ เข้าใจว่านี่เป็นขีดสุดของการตลาดชั้นเยี่ยมที่เอามาหวังขายเด็กๆ ทั้งเพลง และ ของเล่น แต่ที่น่าชื่นชมสำหรับแฟรนไชส์นี้คือการที่เป็นเทพนิยายที่ไม่มีแม่มด ไม่มีตัวร้ายแยกเขี้ยวแยกฟัน

ทว่าหนังกลับทำให้คน ดูหนังออนไลน์ ตระหนักถึงภัยธรรมชาติ และการต่อสู้กับตนเองแทน มันเลยถือเป็นเทพนิยายรุ่นใหม่ที่เอาไว้เปิดเสี้ยมสอนเด็กๆในชั่วโมงเรียนวิชาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้ เอาจริงๆไม่มีซีนที่น่าเบื่อ แต่ก็ห่างไกลเกินกว่าจะมีซีนที่น่าจดจำ ไม่สิ อย่างน้อยไอ้จิ้งเหลนไฟ กับ โอลาฟ ก็ยังมีซีนที่ทำให้ยิ้มได้ไปตลอดทั้งเรื่อง

พร้อมๆกับที่ อันนา ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่ได้ร่านแรดเฉกเช่นภาคแรก ส่วนพี่เอลซ่า มาแบบงามหยด หมดจด สวยทุกอณูร่างกาย ราวกับว่าจะให้เด็กชายวัยรุ่นที่เข้าไปดูแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศเสียให้ได้ เชื่อไหมว่าทีมสร้าง Frozen เก่งมากเรื่องเอาคนดูที่เป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่ สังเกตได้จากรอบที่ไปดูจะพบว่าเด็กๆนั่งนิ่งตาเป็นประกายกัน

เพลิดเพลินไปกับบรรดาเพลงเพราะๆที่สาดซัดใส่เข้ามาแบบต่อเนื่อง เนื้อหาของหนังปูทางไปที่เพลงเน้นๆ แบบคุยกันซีนนึงก็ตบไปร้องเพลงไรงี้ ซึ่งแน่นอนว่าพวกน้องๆหนูๆนั่งนิ่ง ไม่มีโวยวายหรืองอแงกันเลย แต่กลับกลายเป็นไอ้พวกเด็กมัธยมสันดานเสีย ครูบาอาจารย์ไม่สั่งสอนเรื่องมารยาท ที่นั่งคุยกันบนหัวกู

แถมถีบเบาะเป็นระยะๆไอ้สัส กูหันไปด่าเอาจริงเอาจังว่าพวกมึงอายเด็กๆกันบ้างไหมเนี่ย จากที่ก่อนเข้าโรงไปกูกลัวเด็กๆในโรงจะงอแง กลับกลายเป็นว่าเด็กๆยังมีจิตสำนึกเอ็นจอยกับหนังโดยไม่รบกวนคนอื่นมากกว่าพวกมึงอีกสัส อยากตบเด็กมัธยมจริงๆ ถือเป็นภาคต่อที่ต่อยอดเพื่อขาย ขาย แล้วก็ขายเน้นๆ แอบขำที่เนื้อหาบางช่วงบางตอน

เสือกดูคุ้นๆ คล้ายๆ หนังถ่ายทอดสด กับที่สุนทรภู่บ้านเราเคยแต่งไว้ แม่งมีม้านิลมังกรด้วยให้ตายสิ งานด้านภาพแม่งสวยสัสๆโดยเฉพาะซีนในทะเล คือใครพาลูกพาเต้าเข้าไปดูมึงก็ต้องทำใจว่าออกมามึงจะต้องสูญเสียทรัพย์ให้กับบรรดาของเล่นที่เกี่ยวข้องกับหนังอย่างแน่นอน อีกอย่างที่ควรทำใจไว้เนิ่นๆคือ มึงต้องทนฟังเพลงอัลบั้มประกอบหนังเรื่องนี้ซ้ำๆๆๆ

อย่างน้อยก็ 6 เดือนต่อจากนี้ไป เวลาขับรถ เวลาพักผ่อน หรือแม้กระทั่งเวลาที่มึงกำลังนั่งทำงานหน้าคอม มึงจะได้ยินเพลงเหล่านี้ลอยมากระทบโสตประสาทตลอดเวลา เพราะลูกๆของมึงกำลังบ้า เปิดเพลงพวกนี้วนๆๆ

แล้วมันก็จะบังคับให้มึงซื้อชุดคอสเพลย์ที่โคตรแพง ของเล่นก็แพง อะไรเกี่ยวกับดีสนี่ย์ที่เป็นลิขสิทธิ์นี่แพงหมดสัส มันไม่ใช่แค่การดูหนังกูบอกเลย ตั๋ว ราคา 180 อ่ะแค่จุดเริ่มต้นความบรรลัยกูบอกเลย